วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

มะเร็งรังไข่

มะเร็งรังไข่ (ovarian cancer) เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรี พบได้ในผู้หญิงหลายช่วงวัยทั้งในวัยเด็กและวัยเจริญพันธุ์ แต่มักพบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 40-60 ปี โรคนี้เกิดจากการที่มีเซลล์มะเร็งเจริญเติบโตในรังไข่ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่มีหน้าที่ในการผลิตไข่และฮอร์โมนเพศหญิง • สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ • อาการของโรคมะเร็งรังไข่ • แนวทางการรักษาโรคมะเร็งรังไข่ • การป้องกัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของมะเร็งรังไข่ แต่มีผลงานวิจัยที่พบปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับโรคนี้ ดังนี้ • คนในครอบครัวโดยเฉพาะมารดา พี่สาว/น้องสาว หรือลูกสาวมีประวัติสุขภาพเคยเป็นมะเร็งรังไข่ • อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป • มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี • ยังไม่เคยตั้งครรภ์/คลอดบุตร • คลอดบุตรคนแรกหลังจากอายุ 30 ปีแล้ว • หมดประจำเดือนช้ากว่าอายุ 55 ปี • มีประวัติสุขภาพเคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งลำไส้ อาการของโรคมะเร็งรังไข่ มะเร็งรังไข่ในระยะแรกอาจไม่มีอาการแสดง แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม • รู้สึกอึดอัดในช่องท้อง • อาหารไม่ย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือปวดท้อง • รู้สึกอิ่มจนอึดอัดถึงแม้รับประทานอาหารอ่อนๆ • คลื่นไส้ • ท้องเสีย ท้องผูก • ปัสสาวะบ่อย • เบื่ออาหาร • มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด
แนวทางการรักษาโรคมะเร็งรังไข่ การรักษาโรคมะเร็งรังไข่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะของการดำเนินของโรค ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสมให้กับผู้ป่วยแต่ละราย แนวทางการรักษาโรคมะเร็งรังไข่ ได้แก่ • การผ่าตัด หากแพทย์วินิจฉัยว่าเซลล์มะเร็งที่เจริญเติบโตในรังไข่ยังมีขนาดไม่ใหญ่และยังไม่มีการลุกลามมาก แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อนำเอาก้อนมะเร็งและเนื้อเยื่อรอบๆ ออก หรืออาจผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงออกด้วย • การใช้เคมีบำบัด เป็นการใช้ยาในการฆ่าเซลล์มะเร็ง เคมีบำบัดมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น การใช้ยาเม็ด ยาฉีด หรือฉีดผ่านสายเข้าร่างกาย เมื่อยาเข้าสู่กระแสเลือดแล้วจะเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายและฆ่าเซลล์มะเร็งที่อยู่ในร่างกาย (แต่ก็ส่งผลฆ่าเซลล์ร่างกายที่ดีด้วยเช่นกัน) • การใช้รังสีรักษา เป็นการใช้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งและทำให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง การใช้รังสีนั้นอาจเป็นการฉายรังสีจากภายนอกร่างกายและฉายตรงเข้าสู่ร่างกาย การป้องกัน ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางเฉพาะสำหรับการป้องกันมะเร็งรังไข่ เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ อีกทั้งมะเร็งรังไข่ในระยะแรกๆ มักไม่แสดงอาการ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย รวมทั้งตรวจสุขภาพและตรวจภายในหรือทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อตรวจเช็กว่ามีก้อนในช่องท้องหรือไม่ ที่มา : https://www.bumrungrad.com/th/women-center-health-obgyn-bangkok-thailand/conditions/ovarian-cancer

1 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาดีค่ะ แต่การเขียนติดต่อกันยาวโดยไม่มีการย่อหน้าแยกหัวข้อทำให้ไม่น่าอ่านค่ะ หากมีภาพแทรกเพิ่มเป็นช่วงๆ จะช่วยให้น่าสนใจยิ่งขึ้นค่ะ
    ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้เขียน
    ขอบคุณนะคะ ที่รวบรวมมาไว้

    ตอบลบ